ผู้เขียน หัวข้อ: สามารถทำ การตลาดออนไลน์ ผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?  (อ่าน 122 ครั้ง)

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 657
  • สินค้าโปรโมชั่น โพสขายฟรี
    • ดูรายละเอียด
สามารถทำ การตลาดออนไลน์ ผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?
« เมื่อ: วันที่ 21 กันยายน 2023, 17:39:47 น. »
สามารถทำ การตลาดออนไลน์ ผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?

1.   SEO (Search Engine Optimization)

SEO คือ ส่วนสำคัญที่สุดของการทำ Digital Marketing เพราะเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มการจัดอันดับหน้าเพจของเว็บไซต์คุณได้แบบออร์แกนิกบนหน้า SERPs โดยคุณไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาท ด้วยการออกแบบเว็บไซต์ ปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยและมีคุณภาพ เพิ่ม Blacklink  ส่งลูกค้ามายังหน้าเพจของคุณโดยตรง จะช่วยเพิ่มค่าการมองเห็น ค่าความน่าเชื่อถือ และคะแนนต่าง ๆ ในการจัดอันดับเว็บไซต์ให้ดีขึ้น ยิ่งตำแหน่งของเพจอยู่สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นจุดที่ลูกค้าจะพบเห็นได้ง่ายที่สุด ก่อให้เกิด  Traffic, Conversion,  Activities  บนเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น


2.    SEM (Search Engine Marketing)

การโฆษณาผ่าน PPC หรือการจ่ายค่าโฆษณาต่อหนึ่งคลิก คือส่วนหนึ่งของการตลาดแบบ SEM ซึ่งจะให้ยอดการเข้าชมที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าภายในระยะเวลาอันสั้น ในส่วนของการรันโฆษณา PPC จะรันด้วยการลงทุนใน Bidding บนโซลูชั่นของ Google Ads คือ การทำโฆษณาออนไลน์ผ่านเครือข่ายของ Google หรือบนเครื่องมือยิงโฆษณาชนิดอื่น ๆ ซึ่งคุณสามารถกำหนดงบในการยิงโฆษณา PPC ได้ด้วยตัวเองตลอดเวลาตามไทม์ไลน์ที่วางแผนไว้ เช่น เป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนก็ได้ ตราบใดที่ไม่ได้ตั้งค่าให้ระบบเลือก Bidding แบบอัตโนมัติ

ยิ่งไปกว่านั้นหากอยากดูว่าประสิทธิภาพของการทำ PPC ว่ามีประสิทธิผลมากแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณเลือก Keyword ให้ตรงกับยอด Search Volume ได้มากแค่ไหน เพราะถ้ายิ่งคำโฆษณาของคุณตรงกับยอดคำค้นหามากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสที่อัลกอริทึ่มของ Search Engine จะจัดลำดับ SEM ของคุณให้เห็นได้ง่ายมากขึ้น ทั้งนี้อย่าลืมหมั่นตรวจสอบและเพิ่มประสิทธิภาพคำโฆษณาและข้อมูลของ PPC บ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวโฆษณาของคุณตกอันดับนั่นเอง


3.    Email Marketing

การตลาดผ่านอีเมลนับเป็นสะพานเชื่อมระหว่างธุรกิจและงานขายกับลูกค้า แม้จะไม่ได้เป็นที่นิยมมากเท่าการทำการตลาดบนโซเชียลมีเดีย แต่ Email Marketing ก็มีความโดดเด่นตรงที่ลูกค้าสามารถโต้ตอบได้โดยตรง รวดเร็ว (ยกเว้นเป็น Email Marketing แบบระบบอัตโนมัติจะโต้ตอบไม่ได้) และเป็นส่วนตัวมากแล้ว ยังเป็นช่องทางทำการตลาดที่ช่วยเพิ่มยอด Emgagement ได้ดี เรียกความมั่นใจและความต้องการซื้อจากฐานลูกค้าเก่าได้ดีทีเดียว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการทำ Email Marketing ได้จะต้องมีการสมัครสมาชิกก่อนทำให้สมาชิกเข้าถึงโปรโมชันเฉพาะสมาชิก หรือส่วนลดเฉพาะสมาชิกได้ หรือสามารถนำเสนอสินค้าพิเศษเสริมจากสินค้าที่ลูกค้าได้ซื้อไป ก็ถือว่าเป็นการ Retargeting อีกทางหนึ่ง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำ Email Marketing ก็มีความเสี่ยงอยู่ตรงที่บางครั้งอัลกอริทึ่มของอีเมลจะเข้าใจว่าเมลของคุณเป็นสแปมทุกครั้งที่มีการส่งเมลหา เมลของคุณจะไปกองอยู่ในถังขยะของลูกค้าก็เป็นได้ หรือลูกค้าบางคนอาจรู้สึกว่ามีอีเมลจากธุรกิจที่ไม่ต้องการเข้ามาเยอะก็อาจทำให้เลิกกดเป็นสมาชิกของคุณไปเลยก็ได้ ฉะนั้นก่อนการส่งอีเมลในแต่ละครั้งควรตรวจสอบให้ดีก่อนว่าอีเมลของคุณไม่ได้ละเมิดข้อกำหนดอีเมลสแปมแน่ ๆ และไม่ส่งถี่เกินไปจนลูกค้าถึงกับกด Unsubscribe


4.  Video Marketing

คุณรู้ไหม? YouTube เป็น Search Engine ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก มากกว่าการค้นหาบนเว็บไซต์ที่อยู่อันดับ 3 รู้อย่างงี้แล้วจะพลาดการทำการตลาดบนวิดีโอไปได้ไง จริงไหม? เพราะการผลิตสื่อวิดีโอเป็นส่วนหนึ่งของงาน Content Marketing ที่นิยมใช้กันมาก เป็นการผสมผสานองค์ประกอบของการทำ Content Marketing ที่หลากหลายเข้าไว้ด้วยกัน อาทิ SEO การเขียนคำโฆษณา การออกแบบวิดีโอ การเขียนสคริปต์พูด มุมกล้อง เสียง และแสง เป็นต้น ซึ่งในวิดีโอหนึ่งคลิปจะกล่าวถึงรายละเอียดต่าง ๆ ของสินค้า/บริการที่คุณต้องการนำเสนอ ทำให้ลูกค้าเห็นภาพรวมของสินค้า/บริการในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สามารถสื่อสารขั้นตอนการขอใช้บริการและหลังการรับบริการได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน และลูกค้ายังสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบการพิจารณาการซื้อกับเจ้าอื่นอีกด้วย ส่วนในช่องทางหลักในการลงวิดีโอได้แก่ YouTube, Facebook, Instagram และ TikTok

นอกจากนี้หากธุรกิจของคุณต้องการขยายขอบเขตธุรกิจของคุณไปให้ความรู้ในธุรกิจที่คุณมีความเชี่ยวชาญบน YouTube อย่าง Podcast หรือ YouTube Channel ก็ยังช่วยสร้างรายได้แบบ Passive Income มาให้คุณได้อย่างมาก แม้สินค้าจะขายไม่ออกหรือไม่มีลูกค้าเข้าใช้บริการ คุณก็ยังมีรายได้จากบน YouTube มาคอยหล่อเลี้ยงไว้อยู่


5.    Social Media Marketing (SMM)

เป็นการตลาดออนไลน์ทั้งทีจะไม่ทำการตลาดบนโซเชียลมีเดียก็คงย้อนแย้ง แพลตฟอร์มสื่อออนไลน์ที่เป็นที่นิยมตอนนี้ได้แก่ Instagram, Facebook, LinkedIn, Twitter และ Line ซึ่งสื่อเหล่านี้จะเป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์ ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โปรโมทโฆษณาสินค้า/บริการ และยังเป็นพื้นที่กลางที่ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้โดยตรงพอ ๆ กับ Email Marketing ซึ่งเป็นการเพิ่มช่องทางการค้นหาให้กับลูกค้าได้สะดวกยิ่งขึ้นและยังเพิ่มโอกาสในการสร้าง Engagement และกระตุ้นยอดขายได้ดีเช่นกัน
 

6.    Influencers Marketing

Influencers หรือกลุ่มบุคคลผู้มีอิทธิพลทางความคิดบนโซเชียลมีเดีย บางคนอาจเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในแวดวงเดียวกันกับธุรกิจของคุณและยังอยู่ในเครือข่ายของกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหาสินค้า/บริการเหล่านั้นอยู่ เป็นผู้ทำคอนเทนต์ที่มีประโยชน์เผยแพร่บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ส่งผลให้มีผู้คนสนใจกดติดตามเป็นจำนวนมาก และยิ่งมียอดผู้ติดตามมากก็ยิ่งทำให้บุคคลเหล่านี้มีพลังในการสื่อสารมากตามไปด้วย ทำให้โน้มน้าวได้ง่าย เพราะความใกล้ชิดที่เอนเอียงไปทางฝั่งผู้บริโภคมากกว่าฝั่งธุรกิจ

วิธีที่จะทำให้ Influencers  สร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจของคุณอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุดก็คือ การทำ  Content Marketing  ให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด การโพสต์บล็อกที่มี  Keyword  ที่ถูกต้องและมีคำค้นหาตรงกับความสนใจของ  Influencers  จะดึงดูดกลุ่มคนเหล่านี้เข้ามาทดลองใช้งานและนำไปรีวิวตามแพลตฟอร์มโซเชียลต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ


7.    Affiliate Marketing

เป็นกลยุทธ์การตลาดที่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนได้กว้างขวางยิ่งขึ้นและไปได้ทั่วโลกโดยที่ไม่ต้องจ้างพรีเซนเตอร์จากแต่ละภูมิภาคหรือประเทศอื่นมาโปรโมท ข้อแตกต่างระหว่างการทำการตลาดแบบ Affiliate กับ Influencers อยู่ที่ Affiliate จะได้ค่าคอมมิชชั่นจากการช่วยโปรโมทเป็นการตอบแทน และต้องมีตัวกลางที่เชื่อมต่อระหว่างธุรกิจและผู้โปรโมท เพื่อติดตามคำสั่งซื้อว่ามาจากใครได้ง่ายขึ้น ช่วยให้จ่ายเงินได้ถูกคน

เพิ่มเติมคือ Affiliate Marketing สามารถเป็นใครทำก็ได้ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงมากมาย คนธรรมดาทั่วไปก็สมัครได้ (แต่อาจต้องมียอดผู้ติดตามหรือเพื่อนเยอะนิดนึง) หรือจะเป็น Nano/Micro-Influencers, ผู้บริหาร หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ ก็สามารถทำได้เองที่บ้าน ซึ่งหลักการการทำงานจะเป็นดังนี้

-    ผู้ที่ต้องการลงสมัครเป็น Partner กับบริษัทที่ลง Affiliate ต้องมีเว็บไซต์ บล็อก Facebook Page, Instagram (Public), TikTok เป็นของตัวเอง หรือถ้าไม่มีจะเปิดเป็นแบบส่วนตัวก็ได้แล้วโปรโมทให้เพื่อนในแต่ละแพลตฟอร์ม
-    สมัคร Affiliate Program ฟรี ไม่มีค่าแรกเข้า ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ให้บริการมีดังนี้ Involve Asia, Lazada Affiliate, Shopee Affiliate, Accesstrade ฯลฯ หลังการสมัครจะมีบริษัทดัง ๆ มากมายลงโปรโมชั่นไว้ให้คุณนำลิงก์เหล่านั้นไปโปรโมทต่อบนแชนแนลของคุณ

และถ้าฝั่งธุรกิจอยากลงขายบ้างต้องทำยังไง? เราแนะนำให้ติดต่อเข้าไปแต่ละแพลตฟอร์มโดยตรงจะสะดวกที่สุด เพราะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการอยู่ตลอดเวลา

ถ้ามีลูกค้าซื้อสินค้า/บริการผ่านลิงก์ที่คุณแปะไว้ คุณจะได้ค่าคอมมิชชั่นเป็นการตอบแทน (ค่าคอมฯ ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท)

และข้อดีของการทำ Affiliate Marketing มีเยอะมาก ได้แก่

    ลงทุนน้อย แค่ฝากโปรโมชั่นบนตัวกลาง
    ทำจากที่ไหนก็ได้ เพราะแค่ลงสื่อออนไลน์เท่านั้น
    สะดวกและยืดหยุ่น ผู้ลงขายได้ยอด Traffic, Engagement, Leads เพิ่มขึ้น ส่วนผู้โปรโมทก็ได้ค่าคอมฯ
    จ่ายเงินตามผลงานจริง เพราะแต่ละลิงก์จะมีระบบตรวจจับยอด Leads ทำให้รู้จำนวนลูกค้าที่แท้จริงเพื่อนำไปคำนวณเป็นค่าคอมฯ อีกทีหนึ่ง


8.    Content Marketing

การทำคอนเทนต์คือหัวใจหลักที่เป็นจุดศูนย์รวมทุก ๆ แคมเปญของ Digital Marketing เพราะหลักการทำคอนเทนต์สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบไม่ใช่แค่อย่างเดียว สามารถผลิตออกมาได้หลายรูปแบบ หรือจะนำมาผสมรวมกันก็ได้ อย่างเช่น งานเขียน งานวาด กราฟิก อินโฟกราฟิก Podcast เป็นต้น ทั้งนี้การจะทำคอนเทนต์ให้มียอด Lead หรือ Engagement พุ่งขึ้นสูง ๆ จะต้องมีเนื้อหาที่ดี มีคุณภาพสูง มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับ Keyword ที่ผู้ใช้งานค้นหาอยู่ ยิ่งทำเป็น Original Content ได้ยิ่งดี รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ อย่าง การออกแบบ UX SEO/UI Landing Page ให้มีประสิทธิภาพ ผู้ใช้งานเข้ามาแล้วไม่งง Page Download Speed ไม่อืดจนทุกคนกดหนี ก็ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้การทำ SEO Ranking มีประสิทธิภาพอีกด้วย (สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่) 

ก่อนจากกันไปขอสรุปอีกครั้งว่า Online Marketing หรือ การตลาดออนไลน์ คือ การทำคอนเทนต์หรือการวางกลยุทธ์การตลาดที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมุ่งหวังที่จะมีลูกค้าใหม่ไหลเข้ามาใช้บริการ/ซื้อสินค้ามากขึ้นจากช่องทางดังกล่าว นำเสนอผลิตภัณฑ์ของคุณให้เป็นที่น่าสนใจ รู้จักกันในวงกว้างจากการโปรโมทของคุณเองหรือการยืมแรงจากคนอื่นมาช่วยก็เช่นกัน ทั้งนี้การผลิตคอนเทนต์สำหรับการตลาดออนไลน์ได้จะต้องคำนึงถึงคุณภาพของคอนเทนต์ และความเกี่ยวข้องของเนื้อหากับผู้ใช้งานจึงจะสร้าง Traffic มาสู่เว็บไซต์ของคุณได้


สามารถทำ การตลาดออนไลน์ ผ่านช่องทางไหนได้บ้าง? อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://techwealth99.com/